Advertise

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

[ชีววิทยา] อาวุธชีวภาพ

     อาวุธชีวภาพ (Biological Weapon) คืออาวุธที่ได้จากสิ่งมีชีวิตซึ่งครอบคลุมถึงสิ่งมีชีวิตเอง สารพิษจากสิ่งมีชีวิต และ ฮอร์โมน หรือ สารอื่นที่สิ่งมีชีวิตผลิตขึ้น หรือที่เราเรียกว่า "อาวุธเชื้อโรค" หรือสารพิษที่สกัด มาจากจุลินทรีย์ อาวุธชีวภาพเป็นอาวุธที่ผลิตได้ง่าย และราคาถูกกว่าอาวุธร้ายแรงประเภทอื่น หรืออาวุธนิวเคลียร์ มนุษย์รู้จักผลิตอาวุธเชื้อโรค การเกิดโรคระบาด ที่สามารถคร่าชีวิตผู้คนได้ครั้งละมากๆ เช่นการเกิดโรคไข้ทรพิษ หรือมฤตยูดำ ที่ระบาดในยุโรป เมื่อประมาณ ศตวรรษที่ 14 และมีผู้เสียชีวิตครั้งนั้นประมาณ 75 ล้านคน หรือการเกิดโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วโลก เมื่อ ปี ค.ศ. 1918 มีผู้เสียชีวิตถึง 22 ล้านคน อันตรายของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าระเบิดปรมณูเลย


     เมื่อโรคระบาดสามารถทำลายชีวิตผู้คนได้เป็นจำนวนมาก มนุษย์ชาติชั่วไร้ปราณีบางพวก จึงได้คิดเลียนแบบธรรมชาติ โดยการเพาะเชื้อโรคบางชนิดไว้ใช้ เพื่อการสงคราม โดยอาจจะใช้จุลินทรีย์เอง หรืออาจะสกัด เอาเฉพาะสารตัวใดตัวหนึ่งที่สำคัญ และมีฤทธิ์พอที่ทำให้เจ็บป่วยถึงแก่ความตายได้ หรือเป็นพิษต่อมนุษย์ การใช้อาวุธชีวภาพเกิดขึ้นครั้งแรกในอาณาจักรโรมัน โดยการนำสัตว์ที่ป่วยเป็นโรคตายไปทิ้งไว้ในแหล่งน้ำของข้าศึก เมื่อข้าศึกใช้น้ำก็จะเกิดการเจ็บป่วย เป็นการตัดกำลังรบและทำลายขวัญได้เป็นอย่างดี นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า มนุษย์เรารู้จักใช้อาวุธชนิดนี้กันมานานนับพันปีแล้ว ไม่ใช่ของใหม่เลย จนปัจจุบันนี้ ก็ยังมีการคิดค้นกันไม่สิ้นสุด นั่นเพราะมนุษย์หน้าโง่ทั้งหลายยังคงฆ่ากันไม่เสร็จนั่นเอง
อาวุธชีวภาพในปัจจุบันยังคงไว้ซึ่งหลักการเดิมๆ แต่ได้พัฒนาหาวิธีการใช้ที่แตกต่างออกไปจากอดีต คือสามารถใช้ได้สะดวกขึ้น ได้ผลมากขึ้น คือฆ่ากันได้มากขึ้นนั่นเอง มีการเพาะเลี้ยงเชื้อโรคต่างๆเป็นจำนวนมาก และสามารถที่จะเก็บรักษาไว้ได้จนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องการใช้ ซึ่งอาจจะใช้วิธีโปรยลงมาจากเครื่องบิน หรือติดไปกับหัวรบขีปนาวุธยิงสู่เป้าหมาย 

     ดังที่ได้กล่าวไว้ในตอนต้นว่า การผลิตอาวุธชีวภาพนั้นทำได้ไม่ยากเลย ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ต้นทุนก็ไม่แพง ประเทศที่ยากจนสามารถผลิตได้เอง อาวุธชนิดนี้จึงเป็นขวัญใจคนยาก และที่ผ่านมาเคยมีการตรวจพบแหล่งอาวุธชีวภาพในอิรัก เมื่อปี ค.ศ. 1985 มีทั้งอาวุธเชื้อโรค และสารพิษที่ได้จากเชื้อโรค เช่น เชื้อแอนแทรกซ์ ซึ่งเป็นแบคมีเรียชนิดหนึ่ง พิษบอตทูลินัม ที่เป็นสารพิษที่ได้จากแบคทีเรีย พิษอะฟลาทอกซิน สารพิษที่ได้จากเชื้อรา และไรซิน สารพิษที่สกัดมาจากเม็ดละหุ่ง ครั้งนั้นเองที่ทำให้โลกต้องตื่นตะหนกและหันกลับมาสนใจ และคิดหาทางป้องกันในเจ้าอาวุธชีวภาพ ที่ค้นคิดโดยมนุษย์ และเป้าหมายคือสังหารมนุษย์ด้วยกัน มันก็แค่การค้นคิดที่จะหาวิธีฆ่ากันให้ได้คราวละมากๆ เพื่อช่วงชิงการได้เปรียบ เท่านั้นเอง

     เชื้อโรคแอนแทรกซ์ (anthrax) นับว่าเป็นเชื้อที่เหมาะแก่การนำมาใช้เป็นอาวุธชีวภาพมากที่สุด เพราะจะทำให้เกิดโรคระบาดรุนแรง และมีศักยภาพสูงในการสังหารมนุษย์ยิ่งนัก
โรคแอนแทรกซ์ จริงๆแล้วเป็นเชื้อที่ระบาดร้ายแรงในปศุสัตว์ เช่น แพะ แกะ วัว และม้า และอื่นๆ สมัยก่อนพบได้ในผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับปศุสัตว์ และอุ๖สาหกรรมขนแกะ โดยได้รับเชื้อโดยตรงมาจากสัตว์อีกทีหนึ่ง ต่อมาได้มีการค้นพบวัคซีนป้องกัน โรคนี้จึงสามารถควบคุมได้ และไม่ค่อยปรากฎผู้ที่เป็นโรคนี้อีก ในสหรัฐฯผู้ป่วยเป็นโรคนี้ตามธรรมชาติรายล่าสุดเป็นสัตวแพทย์ เพราะทำงานคลุกคลีกับสัตว์ที่เป็นโรคนี้ และพบในปี ค.ศ. 1992 หลังจากนั้นที่พบส่วนใหญ่สันนิฐานว่า เป็นการกระทำโดยฝีมือผู้ก่อการร้ายแทบทั้งสิ้น 

     โรคแอนแทรกซ์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า แบซิลลัส แอนทราซิล ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียประเภทแกรมบวก (เป็นวิธีการทางห้องทดลอง ที่ใช้ในการจำแนกประเภทแบคทีเรียโดยการย้อมสี) แบคทีเรียชนิดนี้มีการสืบพันธุ์โดยการสร้างสปอร์ส สปอร์สของมันเปรียบได้กับละอองเรณูของเกสรดอกไม้ สามารถล่องลอยไปในอากาศได้ แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก เล็กจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แลัเมื่อตกเข้าไปในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สปอร์สนี้ก็จะเจริญเป็นแบคทีเรีย และเกิดการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีการสร้างเกราะหุ้มอีกชั้นหนึ่งด้วย มันจึงได้ทนทานในทุกสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
โรคแอนแทรกซ์มีระยะฟักตัวสั้น คือราว 1-5 วัน โดยทั่วไปมักจะแค่ 2 วัน จึงแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ผู้ที่เบื่อโลกและต้องการรับเชื้อนี้ สามารถรับได้ 2 ทางคือ ทางสปอร์สของเชื้อแอนแทรกซ์ ซึ่งลอยอยู่ในอากาศหรือตกอยู่ตามพื้นดิน เข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบเลือด ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือ หายใจเอาสปอร์สเข้าไป ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ เลือกเอานะครับ....
โรคแอนแทรกซ์ ที่ติดเชื้อทางบาดแผลจะมีอัตราการตายราว 20 เปอร์เซนต์ หากติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจอัตราการตายจะอยู่ที่ ร้อยละ 80 เพื่อให้เข้าใจง่ายเข้าคือ ผู้ป่วย 100 คน จะรอด 20 คน
หากไม่อยากตายก่อนวัยอันสมควรสารมารถรักษาได้ โดยการใช้ยาปฎิชีวนะ และต้องกระทำเป็นการเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไว้นานวันจนอาการของโรคแสดงออกอย่งชัดเจน จะไม่เป็นผล คือตายสถานเดียว... ผู้ป่วยติดเชื้อแอนแทรกซ์ ในระบบทางเดินหาย อาการเริ่มแรกจะคล้ายไข้หวัด น้ำมูกไหล จากนั้นอาการจะรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยจะช็อกหมดสติในที่สุด
การป้องกันสามารถทำได้ โดยการฉีกวัคซีนป้องกันล่วงหน้า โดยต้องฉีด 1 ชุด รวมทั้งหมด 6 เข็ม ในเวลา 2 ปีนั้นต้องฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิเป็นประจำปีละครั้ง หลังฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้วราว 3 สัปดาห์ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกัน หากเป็นกรณีฉุกเฉินที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ทัน ให้สวมหน้ากากป้องกันก๊าซพิษ เพื่อป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
การใช้เชื้อแอนแทรกซ์ เป็นอาวุธชีวภาพ สามารถทำได้ โดยการนำเชื้อแอนแทรกซ์ ที่เพาะเลี้ยงไว้ และเก็บในรูปสารละลายมาฉีดพ่นโดยเครื่องบิน หรือใช้ทำเป็นหัวรบ อันนี้ห้ามลอกเลียนแบบนะ....

     พิษบอตทูลินัม (botulinnum) เป็นสารพิษจากจุลินทรีย์ ที่มีความเป็นพิษสูงมาก เหมาะแก่มานำมาใช้คร่าชีวิตมนุษย์ยิ่งนัก พิษชนิดนี้เกิดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสทริเดียม บอตทูลินัม อันเป็นแบคทีเรียที่ทำให้อาหารกระป๋องเน่าเสีย และอาหารเป็นพิษ คงจะแบบว่าทานอาหารกระป๋องที่หมดอายุประมาณนั้น แต่นั่นเป็นพิษในธรรมชาติที่เจือจาง แต่เจ้าพิษที่ถูกผลิตขึ้นมาใช้เป็นอาวุธชีวภาพนั้น มีความเข้าข้นกว่า ว่ากันว่าพิษนี้เพียงแค่จุดเล็กๆก็สามารถคร่าชีวิตคนตั้ง 10 กว่าคนทีเดียว
พิษชนิดนี้สามารถซึมซับเข้าทางผิวหนัง และเยื่อบุทางเดินหายใจได้ จึงสามารถแพร่พิษได้ทั้งการฉีด พ่น ให้กระจายในอากาศ เพื่อให้มนุษย์สูดเข้าไป ยังสามารถใส่ในแหล่งน้ำได้อีกด้วย เนื่องจากเป็นพิษที่ไร้สี ไร้กลิ่น ดังนั้นผู้ที่ถูกพิษนี้จะไม่รู้ตัวจนพิษจะเริ่มแสดงออกในร่างกาย
พิษบอตทูลินัม จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท อาการของผู้ที่เคราะห์ จะเริ่มตาพร่า กล้ามเนื้ออ่อนแรง คลื่นไส้ อาเจียน ระบบประสาทจะถูกทำลาย ร่างกายจะไม่สามารถขับพิษได้เองตามธรรมชาติ และเสียชีวิตในที่สุด
การแก้พิษทำได้โดยการใช้ยาแก้พิษ โดยการฉีดวัคซีน แต่เนื่องจากพิษชนิดนี้ยังแบ่งออกเป็นชนิดย่อยๆอีก ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของแบคทีเรียที่ใช้ผลิต จึงเป็นการยากที่จะเตรียมการป้องกันได้ ในกรณีฉุกเฉินสามารถทำได้โดยการใส่หน้ากากป้องกันก๊าซพิษ เพื่อป้องกันไม่ไห้หายใจเอาหายพิษเข้าไป
วางใจได้เพราะยังไม่มีรายงานการใช้พิษนี้ในสงครามมาก่อน อีกเหมือนกัน ทั้งหมดนี้ แค่มีข่าวออกมาว่า อิรัก อิหร่าน ซีเรีย ลิเบีย และเกาหลีเหนือ มีอาวุธชีวภาพชนิดนี้ไว้ในครอบครองและพร้อมที่จะใช้ได้ทุกเมื่อ เท่านั้นเองท่านทั้งหลาย

     คลอสทริเดียมเพอร์ฟริงเกนส์ ( clostridium perfringens) เป็นแบคทีเรียสายพันธ์เดียวกับ คลอสทริเดียม บอตทูลินัม โดยเจ้า คลอสทริเดียมเพอร์ฟริงเกนส์ นี้เป็นแบคทีเรียที่ทำให้อาหารกระเป๋าเน่าเสีย และเกิดอาหารเป็นพิษ และถ้าหากว่าเจ้าแบคทีเรียชนิดนี้มันลอง ได้เข้าไปอาศัยอยู่ในบาดแผลของมนุษย์ที่สกปรก และอากาศเข้าไม่ถึงได้แล้วละก็.... พิษของมันจะทำงานทันที โดยจะทำให้เกิดก๊าซในบาดแผล ทำให้แผลบวม และเนื้อเน่าตาย (น่าทรมานจริงๆ) การรักษานั้น แพทย์อาจจะต้องตัดอวัยวะส่วนนั้นทิ้งเพิ่อป้องกัน ไม่ให้พิษแพร่กระจายเข้าไปในระบบโลหิต ซึ่งนั่นจะทำให้มนุษย์ผู้ที่ได้รับสารพิษชนิดนี้เน่าตายได้ ขอบอก...
ยังไม่พบรายงานการใช้สารพิษชนิดนี้ในสงครามใด ไม่แน่ใจว่าทั้งหมดนี้เป็นการขู่ หรือแค่การคาดเดา หรือชี้โพรงให้กระรอกหรือเปล่า.... รู้ไว้ประดับความรู้ละกัน แก้โง่...

     อะฟลาทอกซิน (aflatoxin) เป็นสารพิษที่ผลิตจากเชื้อรา ที่ใช้นามสกุลว่าแอสเพอร์จิลลัส อย่างเช่น แอสเพอร์จิลลัส เฟสวัส (aspergillus Flavus) เชื้อราชนิดนี้มีอยู่ในธรรมชาติ ชอบขึ้นอยู่ตามสินค้าเกษตรที่มีการเก็บรักษาไม่ดี และมีความชื้นเจือปนสูง อันได้แก่ ข้าวโพด ถั่ว และอื่นๆอีก ทั้งยังขึ้นได้ดีในถั่ว พริกป่นที่ใส่ในอาหาร อะฟลาทอกซิน เป็นสารก่อมะเร็ง ทำให้เกิดมะเร็งในตับได้
ยังไม่มีรายงานการใช้พิษชนิดนี้ เป็นอาวุธชีวภาพมากนัก เนื่องจากเป็นสารก่อมะเร็ง จึงไม่ได้ผลเฉียบพลัน กว่าจะตายกันได้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อย เข้าใจว่าไอ้คนคิดมันคงต้องการให้ตายแบบผ่อนส่ง ว่ากันว่าพบสารพิษชนิดนี้ถูกบรรจุในระเบิดและหัวรบพร้อมใช้งาน ที่แหล่งผลิตอาวุธชีวะภาพในอิรัก นู๊น.....

     ไรซิน (ricin) เป็นสารพิษที่สกัดมาจากเม็ดละหุ่ง ใช้เป็นยาปราบศัตรูพืช โดยไรซินจะไปยับยั้งการผลิตโปรตีนของเซลล์ ซึ่งเป็นกระบวนการพื้นฐานของร่างกาย ผู้ที่ได้รับสารพิษชนิดนี้แม้จะไม่ใช่ศัตรูพืช ก็จะเสียชีวิต เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตโปรตีนที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ยังไม่มีวิธีรักษา แต่ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันพิษของไรซิน ซึ่งจะต้องมีการเตรียมการล่วงหน้า
อย่าตกอกตกใจ เพราะยังไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกัยการใช้ไรซิน ในสงคราม นี่แค่ขู่เล่นเฉยๆ แต่รู้จักมันไว้ก็ไม่เสียหายมิใช่หรือ ที่แน่ๆเคยมีการใช้ไรซินในการฆาตกรรมแล้ว โดยใช้ไรซินเคลือบไว้ที่เหล็กปลายแหลม แล้วทิ่มใส่เหยื่อของมัน ก็อย่างที่บอกมนุษย์ชอบเลียนแบบ สักวันอาจจะมีการใช้ไรซินในสงครามชีวภาพก็ได้





0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More